4 เทคนิคทำ KDP ให้ได้เงิน




วันนี้จะขอมาบอกวิธีทำเงินกับ KDP สำหรับมือใหม่แบบที่ไม่ยิง ads ครับ ใครที่ยังขายไม่ได้เลย ลองเอาไปพิจารณาดู ส่วนมือเก๋าแล้วก็คงไม่เหมาะครับเพราะคงรู้หมดแล้วละ


เป็นวิธีที่ผมใช้นะไม่ได้รับรองผลว่าจะได้ทุกคนแต่น่าจะมีโอกาสมากขึ้น

1. วิเคราะห์ keyword ครับ หรือเรียกว่า niche ก็ได้ สำหรับคนไม่ยิง ads เรื่องนี้สำคัญมากที่สุดเพราะถ้าผิดทำไปแล้วมันมีแนวโน้มมากๆ ว่าจะเสียเวลาเปล่า สิ่งที่เราต้องรู้คือถ้าเราไม่อยู่หน้าแรกโอกาสขายได้แทบไม่มีไปอยู่หน้า 2 นานๆอาจหลงมาทีถ้าหน้า 3 ไปไม่ต้องหวังละ

เพราะฉะนั้นเราต้องดูว่าหน้าแรกมันแข็งแค่ไหนเราทำแล้วจะสู้ได้รึเปล่า อันนี้คือความผิดพลาดของผมหลายเดือนที่ทำไปเพราะคิดว่าทำไปเถอะอะไรก็ได้เดี๋ยวขายได้เอง

  - อาจจะใช้ software อย่าง publisherrocket หรือ kdspy 2 ตัวนี้เสียเงินโดยตัวหลังผมว่าวิเคราะห์ได้แม่นกว่าไอเรื่องความยากง่าย  publisherrocket นี่ง่ายซะเยอะแต่ไปดูจริงๆคิดว่าไม่น่าใช่ ตัวหลังแม่นกว่าแต่ฟังก์ชั่นไม่ดีเท่าตัวแรก ใครมีตัวอื่นก็ได้ครับจะฟรีไม่ฟรีมีหลายตัว  - แต่ใครจะดูแบบตาเปล่านี่ก็ได้ก็เปิดหน้าแรกว่าถ้ามีแต่เล่มที่มี รีวิว ดาว เยอะๆ ถ้าทั้งหน้าเลยให้ถอยทัพ

 แต่ส่วนตัวผมแค่มีที่ขายได้เยอะๆมากกว่า 5 เล่มก็ไม่เอาละครับ เรื่องนี้แล้วเป็นเรื่องของแต่ละคนเลยว่าจะสู้หรือไม่สู้

  - หรือถ้าไปเจอ keyword แบบพวกแบบไม่แข็ง ไม่มีดาว รีวิว เลย หรือมีน้อยมากเช่นทั้งหน้ามีขายได้แค่เล่มเดียว แบบนี้ก็ไม่เอาครับ ยกเว้นว่างมากๆอยากทำเล่น ผมมีพวกนี้บางอันที่อยู่หน้าแรกแต่หลายปีแล้วยังขายไม่ได้เลยก็มีเลยจะบอกเสียเวลาทำตอนนั้นทำไปเพราะไม่รู้

** keyword ยากคือแบบไหน? ง่ายๆเลยคือที่มีดาว+รีวิว เยอะ มีคนทำเยอะ ตัวอย่าง gratitude journal ไม่ว่าจะ for อะไรก็ไม่น่าทำแล้วครับสำหรับคนไม่ยิง ads เพราะมันแข็งไปหมดแล้ว อย่าไปคิดแค่ว่าทำๆไปก็ขายได้ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่ทำที่เราชอบแต่ต้องทำที่ตลาดอยากได้

2. การออกแบบ อันนี้ก็สำคัญมากๆเหมือนกันผมถือคติว่าถ้าหน้า 10 อันดับหน้าแรก ถ้าผมประเมินแล้วว่าทำสวยสู้เขาไม่ได้เกิน 5 ผมก็ไม่ทำ เพราะส่วนตัวออกแบบไม่เก่งจะให้ไปแข่งก็ไม่ไหวใช้เวลาเยอะมาก

3. ทำไปเรื่อยๆ อย่าหยุดวันนึงผมเชื่อว่าใครไม่หยุดนะจะไปเจอแจ็คพอตเจอตัวที่เรียกว่าเป็น  winner product ครับ คือสมุดขายดี อย่างผมก็มีเล่มนึงเป็นเล่มที่ต้องบอกว่าไม่ได้ตั้งใจว่ามันจะขายดีแต่มันดันทำเงินให้มากพอสมควรคือผมมีหลายร้อยเล่มก็มีแค่เล่มนี้ที่ได้เงินเป็นชิ้นเป็นอันมากที่สุด

เพราะฉะนั้นใครยังไม่เจอก็อย่าเพิ่งหยุดยิ่งทำมากโอกาสเจอก็ยิ่งมากใครเจอมากกว่า 1 นี่สบายเลย

4. ปรับเปลี่ยนแนว  เนื่องจาก low content นับวันจะยิ่งขายได้ยากอันนี้เรื่องจริง เพราะว่ามันทำง่ายใครก็ทำได้ไปโหลดฟรีก็ยังมี ถ้าใครจะทำเราต้องมีความแตกต่างเมื่อก่อนยากแต่ตอนนี้ง่ายขึ้นแค่ใช้ chatgpt ช่วยคิด ได้ทั้งหมดเลยทั้ง sub,des แม้แต่ keyword จำได้สมัยก่อนผมใช้เวลาหลายชั่วโมงกว่าจะได้ซักเล่ม

    แต่ส่วนตัวแนะนำว่าถ้าทำได้ไปหา medium content หรือ high content ไปเลยจะดีกว่าครับ low content เหนื่อยถ้าไม่ยิง ads หรือเรามีสมุดในคลังเป็นพันเล่ม


ข้อควรระวัง

1. trademark อันนี้อันตรายมากจริงๆ จะทำสมุดอะไรดูก่อนว่าเราใฃ้ keyword ที่เป็น tm รึเปล่า ผมยกตัวอย่างที่เจอกับตัวเอง ผมเคยส่งสมุดที่เป็น youtube planner ตอนทำผมก็ดูหน้าแรกว่าขายกันเต็มเลยเราคงทำได้

แต่ปรากฏว่าโดนแบนครับ ทีนี้ก็ตอบกลับไปว่ามีคนทำเยอะแยะเลย แต่สุดท้ายมันไม่ได้ผลเพราะเขาต้องการหลักฐานที่ว่าเราได้รับอนุญาตแล้วยังดีที่ได้คืนและผมก็ไปลบเล่มที่เคยทำไว้ก่อนหน้านี้เกี่ยวกับ ig อันนี้ส่งผ่านไม่มีปัญหาแต่ก็ไม่อยากเสี่ยง

เพราะงั้นเวลาเราทำอย่าคิดเองเออเองว่าคนอื่นทำได้เราก็ทำได้

2. ใครใช้ tool หรือ ai ที่ช่วยเขียนไม่ว่าจะตัวไหนก็ตามให้ดูก่อนว่าที่มันเขียนให้ตรงกับสมุดที่เราทำรึเปล่าเพราะส่วนใหญ่มันจะใส่ออปชั่นมาให้เราเยอะเลย ตัวอย่างเช่นสมมติทำสมุดที่เป็น travel journal แล้ว ai มันเขียนว่าสมุดมีช่องสำหรับแปะรูปถ่ายด้วยนะ แต่เราดันไม่มีอันนี้ถ้าลูกค้ารีพอร์ตนี่เดือดร้อนเลย ข้อหาทำให้เข้าใจผิด 

3. คุณภาพสำคัญกว่าปริมาณ อย่าไปคิดว่าทำเยอะไว้ก่อนมันหมดยุคไปนานมากๆแล้วครับ หลายปีก่อนทำได้ละแต่ตอนนี้ใช้ไม่ได้แล้วถ้าทำหน้าปกคล้ายๆกันแถม  sub,des เหมือนกันหมด จะโดนปิดบัญชีขอ้หา spam เปล่าๆ

ถ้าทำให้เลือกเล่มที่จะทำแล้วเน้นทำให้ดีไปเลยดีกว่าส่วนรายละเอียดก็เปลี่ยนอย่าไปใช้ซ้ำกัน  

  



 

   

Recent Posts